" />

มาทำความรู้จักกับเกมไพ่แบล็คแจ็ค

ความหมายและวิธีการเล่นของแบล็คแจ็คนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนสนใจ การเล่นแบล็คแจ็คไม่ใช่แค่เพียงการเสี่ยงดวงเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจและการคิดอย่างชาญฉลาดด้วย นี่คือเกมไพ่ที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นและต้องการใช้ความสมาธิในการเล่น

 แบล็คแจ็คเริ่มต้นขึ้นมาจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งในอดีตเรียกว่า "vingt-et-un" หรือในภาษาอังกฤษหมายถึง "20 หรือ 21" รูปแบบของเกมนี้เกี่ยวข้องกับการแจกไพ่ให้ผู้เล่นบนโต๊ะ มี "เจ้ามือ" และ "ผู้เล่น" ผู้เล่นต้องพยายามให้คะแนนบนมือของตนให้มากที่สุดแต่ไม่เกิน 21 แต้ม ถ้ามือของพวกเขามีคะแนนมากกว่า 21 จะถือเป็น "แพ้" และผู้เล่นที่มีคะแนนใกล้เคียงกับ 21 จะเป็น "ชนะ" แบบนี้ แบล็คแจ็คกลายเป็นเกมยอดนิยมในคาสิโนหลังจากนั้นด้วยการเสนอการจ่ายเงินรางวัล 1:10 สำหรับผู้เล่นที่ได้แต้มแบล็คแจ็คด้วยไพ่เริ่มต้น 2 ใบเพื่อดึงดูดความสนใจให้มากขึ้น

การเล่นแบล็คแจ็คได้รับการยอมรับในสังคมการพนันในปี ค.ศ. 1931 เมื่อถูกนำเข้ามาในบ่อนคาสิโนในเวกัส อเมริกา และเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเกมนี้เข้าสู่ระบบคาสิโนอย่างเต็มรูปแบบ แต่ไม่นานหลังจากนั้น แบล็คแจ็คก็กลายเป็นเกมที่ได้รับความนิยมมากขึ้น และถูกนำเสนอในรูปแบบของเกมคาสิโนออนไลน์บนเว็บไซต์ของหลายบริษัทคาสิโนที่ให้บริการ

เกมไพ่แบล็คแจ็คมีกฎกติกาที่ต่างกับเกมไพ่ป๊อกเด้ง โดยการแข่งขันคะแนนระหว่าง "เจ้ามือ" และ "ผู้เล่น" ฝ่ายที่มีคะแนนสูงกว่าจะชนะ เป้าหมายในการเล่นแบล็คแจ็คไม่ใช่การทำให้ได้แต้ม 21 แต้มเท่านั้น แต่เป้าหมายคือการเอาชนะเจ้ามือผ่านกลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์ การจั่วไพ่ การแยกคู่ หรือการยืน การใช้กลยุทธ์เหล่านี้อย่างชาญฉลาดสามารถทำให้คุณชนะเจ้ามือและได้รับรางวัล เพราะฉะนั้น ความเข้าใจถึงกฎกติกาของแบล็คแจ็คเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าร่วมการเล่นเกมนี้

การนับแต้มในเกมแบล็คแจ็คเป็นหนึ่งในเคล็ดลับที่สำคัญเมื่อเล่นเกมนี้ ผู้เล่นจำเป็นต้องเข้าใจวิธีการนับแต้มของไพ่และใช้สูตรในการคำนวณผลรวมบนไพ่ก่อนที่จะตัดสินใจใช้เคล็ดลับเพื่อช่วยในการเล่น การนับแต้มเกี่ยวข้องกับการใช้สูตรเฉพาะที่ช่วยให้ผู้เล่นมีโอกาสชนะมากขึ้น โดยผลรวมของไพ่ควรใกล้เคียงกับ 21 แต้มมากที่สุด แต่ต้องไม่เกิน 21 แต้มเช่นกัน การนับแต้มเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้เล่นมีโอกาสชนะได้มากขึ้นในเกมแบล็คแจ็ค

การบวกแต้มบนไพ่แบล็คแจ๊คสามารถทำได้ตามข้อกำหนดต่อไปนี้:

  • ไพ่ A มีค่าเป็น 1 หรือ 11

  • ไพ่รูปภาพหรือไพ่หน้า J, Q, K มีค่าเป็น 10 แต้ม

  • ไพ่เลขจะมีค่าเท่ากับหน้าตัวเอง

เมื่อได้ไพ่ A และไพ่ที่มีค่าเป็น 10 ในไพ่ 2 ใบแรก จะถือเป็น "แบล็คแจ๊ค" ซึ่งเป็นไพ่ที่มีค่ารวมที่เท่ากับ 21 แต้ม

หากผลรวมของไพ่บนมือของผู้เล่นหรือเจ้ามือใกล้เคียงกับ 21 แต้มมากกว่า จะถือว่าเป็นฝ่าย "ชนะ"

หากผลรวมของไพ่บนมือของฝ่ายใดเกิน 21 แต้ม จะถือว่าเป็น "เสีย" ทันที

ในกรณีที่ผลรวมของไพ่บนมือของเจ้ามือและผู้เล่นเท่ากันหรืออยู่ระหว่าง 17-21 จะเรียกว่า "เสมอ" และเงินเดิมพันจะถูกคืน

การเล่นเกมแบล็คแจ็คมีรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงคำศัพท์ที่ใช้ในเกม เช่น อยู่/Stand, จั่ว/Hit, เบิ้ล/Double, แยก/Split, ประกัน/Insurance. การเลือกใช้วิธีการนี้เป็นส่วนสำคัญในการทำให้ได้แต้มสูงกว่าเจ้ามือโดยไม่เกิน 21 แต้ม และเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะในเกมแบล็คแจ็ค.

การ "จั่ว" หรือ Hit เป็นการขอไพ่เพิ่มเพื่อเพิ่มแต้มในมือของผู้เล่น และสามารถจั่วได้ตามต้องการจนกระทั่งผู้เล่นเลือก "อยู่" หรือเกิน 21 แต้ม สำหรับกรณีที่เหลือ 2 ใบนั้น เช่น ผู้เล่นควรจะเลือกจั่วใน 2 กรณีดังนี้:

  • เมื่อ "จั่ว" แล้วยังไม่เกิน 21 แต้ม ในกรณีที่ผู้เล่นมีแต้มน้อยกว่า 9 แต้ม เพราะจะไม่เกิน 21 แต้มถ้าได้ไพ่ A ที่มีค่าสูงสุด

  • เมื่อ "จั่ว" เพื่อเพิ่มแต้มเมื่อเจ้ามือมีแต้ม 17 ขึ้นไป โดยการดูไพ่ที่เปิดอยู่ของเจ้ามือ และผู้เล่นมีแต้มรวมมากกว่า 17 แต้ม ในกรณีนี้ ผู้เล่นควรจะจั่วเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ

การ "เบิ้ล" หรือ Double Down เป็นการขอเพิ่มการเดิมพันเป็น 2 เท่า และจะได้รับไพ่เพิ่มอีกหนึ่งใบเท่านั้น ผู้เล่นสามารถเบิ้ลสองเท่าได้ในสองกรณีต่อไปนี้:

  • เมื่อ "เบิ้ล" ไม่เกิน 21 แต้ม ในกรณีที่ผู้เล่นมีแต้มไม่เกิน 11 แต้ม หรือมี Soft Totals (มีไพ่ A ร่วม) บางครั้งผู้เล่นสามารถเบิ้ลสองเท่าโดยไม่เสี่ยงเกินได้

  • โดยเบิ้ลสองเท่าจะเพิ่มโอกาสในการได้แต้มสูง โดยการรับไพ่อีกหนึ่งใบและมีโอกาสได้ 17 แต้มขึ้นไปโดยไม่เสี่ยงเกิน

การ "แยก" หรือ Split เป็นการแยกไพ่และวางเงินเพิ่มเพื่อเล่นใน 2 ขา โดยผู้เล่นสามารถแยกไพ่ได้เมื่อได้ "ไพ่คู่" หรือไพ่ที่มีแต้มเท่ากัน 2 ใบ การเลือกแยกหรือไม่แยกไพ่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่ไพ่ถูกเปิดบนโต๊ะ เช่น

  • เมื่อ "แยก" แล้วมีโอกาสได้ 21 แต้มที่ขาใหม่ เป็นกรณีที่ผู้เล่นได้คู่ A , A เท่านั้น

  • "แยกไพ่" แล้วมีโอกาสได้แต้มสูงกว่าขาเดิม เช่น ถ้าผู้เล่นมี 20 แต้มจากคู่ 10,10 ควรเลือกอยู่แทนที่จะแยก แต่ถ้ามี 16 แต้มจากคู่ 8,8 ควรแยกเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ

การ "รับรอง" หรือ Insurance เป็นการซื้อประกันหากเจ้ามือมี "แบล็คแจ๊ค" Natural Blackjack (เจ้ามือได้ไพ่ A) การซื้อประกันคือการลงเงินครึ่งของเงินเดิมพันเพื่อซื้อประกัน และถ้าเจ้ามือได้แบล็คแจ็คจริง ผู้เล่นจะได้รับการจ่ายเงิน 2 เท่าของเงินประกัน หรือไม่เสียเงินหากเกมไม่ได้แบล็คแจ็ค การซื้อประกันมักจะทำให้ผู้เล่นเสียเงินมากกว่าการไม่ซื้อ หรืออาจสรุปได้ว่าการซื้อประกันเป็นอนาคตที่ไม่แน่นอน ดังนั้น การเลือกซื้อประกันควรพิจารณาโดยดูไพ่บนโต๊ะระหว่างผู้เล่นและเจ้ามือก่อนที่จะตัดสินใจซื้อประกันไพ่

การจ่ายเงินในเกมแบล็คแจ็คที่ควรรู้

บริการแบล็คแจ็คออนไลน์ที่เว็บไซต์ชั้นนำเปิดให้บริการพนันในคาสิโนออนไลน์ระดับพรีเมียม มีการเล่นเกมโดยการถ่ายทอดสดจากดีลเลอร์โดยตรงบนโต๊ะการเล่น ด้วยระบบสัญญาณที่ชัดเจนและคุณภาพ HD มีระบบทดลองเล่นก่อนฝากเงินและเลือกเล่นเกมอื่นๆมากมายให้เลือกเล่นด้วย โดยเฉพาะสำหรับผู้เล่นที่หลงไหลในการเล่นเกมแบล็คแจ็ค มีการจ่ายเงินรางวัลตามอัตราต่อไปนี้:

  • การชนะมือจ่ายเงิน 1 ต่อ 1

  • การซื้อประกันมือจ่ายเงิน 1 ต่อ 2

  • การได้แบล็คแจ็คมือจ่ายเงิน 2 ต่อ 3

  • การพนันไพ่คู่หรือผสมมือจ่ายเงิน 1 ต่อ 6

  • การพนันไพ่สีมือจ่ายเงิน 1 ต่อ 12

  • การพนันไพ่คู่เพอร์เฟคมือจ่ายเงิน 1 ต่อ 25

สำหรับสมาชิกที่สนใจเล่นเกมแบล็คแจ็คสามารถลงทะเบียนเพื่อเล่นได้ที่เว็บไซต์ BETFLIX828 มีโปรโมชั่นสำหรับสมาชิกใหม่ 100% และโปรโมชั่น 29 รับ 100 สำหรับการรับเครดิตฟรีทุกวันเที่ยงคืนจากค่าคอมมิชชั่นสล็อต บาคาร่า ยิงปลา และกิจกรรมรับเครดิตฟรีอื่นๆอีกมากมายค่ะ

status: err: